ขอนแก่นยืนยันพบเด็กชาย 10 ขวบติดโควิด -19 เสี่ยงเพิ่มอีก 310 คน

เด็กชายวัย 10 ขวบขอนแก่นติดโควิด หลังกลับจากงานตรุษจีนปทุมธานี

ช่วงกลางดึกของวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา ขอนแก่นยืนยันพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายที่ 13 โดยผู้ป่วยรายดังกล่าวเป็นเด็กชายอายุ 10 ขวบ เรียนอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเขต อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น เป็นผู้ป่วยที่มีประวัติการเดินทางมาจากจังหวัดปทุมธานี ซึ่งขณะทางทีมแพทย์ได้ลงพื้นที่เพื่อคัดกรองกลุ่มเสี่ยง และตรวจไทม์ไลน์ของผู้ป่วยคนดังกล่าวอย่างเข้มงวด

ซึ่งนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าฯขอนแก่น ได้ระบุว่า เด็กชายรายนี้ได้เดินทางไปร่วมงานตรุษจีนบ้านญาติที่จังหวัดปทุมธานี พร้อมคุณพ่อ ในช่วงวันที่ 10-12 กุมภาพันธ์ 2564 และเดินทางกลับมาที่ขอนแก่นวันที่ 12 จากนั้นพ่อของผู้ป่วยได้รับแจ้งจากญาติว่าคุณย่า และคุณอามีอาการป่วย คุณพ่อจึงได้เดินทางไปที่ปทุมธานีอีกครั้ง (คนเดียว)

เด็กชายวัย 10 ขวบขอนแก่นติดโควิด หลังกลับจากงานตตรุษจีนปทุมธานี
เด็กชายวัย 10 ขวบขอนแก่นติดโควิด หลังกลับจากงานตตรุษจีนปทุมธานี

และเมื่อผลออกมาปรากฏว่าคุณย่า และคุณอาติดเชื้อโควิด-19 คุณพ่อจึงเข้ารับการตรวจด้วยเช่นกัน โดยผลออกมาว่าคุณพ่อติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 จากนั้นคุณพ่อจึงเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี

และขณะที่เข้ารับการักษาคุณพ่อจึงได้แจ้งไทม์ไลน์ให้กับทีมสอบสวนโรคได้ทราบ จึงได้มีการส่งต่อประสานงานกันระหว่าง สสจ.ปทุมธานี และ สสจ.ขอนแก่น จนได้นำตัวเด็กชายเข้ารับการตรวจคัดกรองที่โรงพยาบาลบ้านฝาง และเมื่อผลตรวจยืนยันว่าติดเชื้อ จึงถูกส่งต่อการรักษาไปที่ โรงพยาบาลชุมแพ และขณะนี้ทีมสอบสวนโรคและทีมแพทย์ ได้ลงพื้นที่ตรวจคัดกรองตามาตราการคุมเข้มทันที

โดยแยกเป็นการตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงที่ใกล้ชิดกับคุณพ่อของผู้ป่วยจำนวน 5 คน ในที่ทำงานของโรงงานแห่งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ได้ทำการคัดกรองและถูกส่งกลับไปกักตัวที่บ้าน ขณะเดียวกันไทม์ไลน์ของเด็กชาย 10 ขวบ คณะทำงานได้มีคำสั่งคัดกรองเด็กนักเรียน รวมไปถึงบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนดังกล่าวทั้งหมด ซึ่งพบว่ามีกลุ่มเสี่ยงมากถึง 310 คน

เด็กชายวัย 10 ขวบขอนแก่นติดโควิด หลังกลับจากงานตตรุษจีนปทุมธานี
เด็กชายวัย 10 ขวบขอนแก่นติดโควิด หลังกลับจากงานตตรุษจีนปทุมธานี

ซึ่งขณะนี้ได้ตรวจคัดกรองแล้วและถูกส่งตัวกลับไปกักตัวที่บ้าน ขณะเดียวกันไทม์ไลน์ของผู้ป่วย ซึ่งเป็นเด็กอายุ 10 ขวบ คณะทำงานได้มีคำสั่งคัดกรองนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนดังกล่าวทั้งหมด ซึ่งพบว่ามีมากถึง 310 คน และในขณะเดียวกันก็อยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบคนในครอบครัวของผู้ป่วยในจังหวัดขอนแก่นจำนวน 6 คน ว่าได้เดินทางไปที่ใด หรือสัมผัสกลุ่มเสี่ยงใดบ้างเพื่อให้การตรวจคัดกรองต่าง ๆ เป็นไปอย่างรอบคอบมากที่สุด ทั้งนี้ จึงได้ขอความร่วมมือจากผู้ป่วยให้แจ้งรายละเอียดของไทม์ไลน์ให้ครบถ้วน เพื่อทีมแพทย์จะได้ทำการควบคุมและป้องกันโรคได้อย่างเข้มงวด ซึ่งผู้ป่วยได้ให้ความร่วมมืออย่างดี รวมทั้งคนในครอบครัวของผู้ป่วยด้วย

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ผู้ป่วยเป็นเด็กและเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนทันทีหลังจากกลับมาจากตรุษจีน ทั้งยังใช้ชีวิตอยู่ในอำเภอบ้านฝางตามปกติแบบไม่แสดงอาการ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันป้องกันและควบคุมสถานการณ์ไว้ให้ได้ จึงขอให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจคัดกรอง ตรวจโควิดที่บ้าน และเร่งทำความสะอาดพื้นที่ต่าง ๆ รวมไปถึงดำเนินงานตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด

ข้อมูล : ไทยรัฐ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ข่าวสาร

เคอร์ฟิว 23 เมษายน ไม่จริง! ศบค.วอนประชาชนหยุดแชร์ข่าวปลอม

ศบค.ยืนยันไม่เคอร์ฟิว – ล็อกดาวน์ เพียงแค่วางมาตรการเข้มขึ้น จากกรณีที่มีเฟซบุ๊กหนึ่งได้มีการแชร์ภาพของการประกาศเคอร์ฟิวนั้น ขณะนี้ทาง ศบค.ได้มีการชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่าไม่มีความจริงอย่างใด อีกทั้งภาพดังกล่าวก็เป็นกำหนดการเคอร์ฟิวของปี 2563 ที่ผ่านมา จึงวอนประชาชนทุกคนเสพข่าวจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ พร้อมฟังประกาศจากแถลงการณ์ ศบค. ทุกวันเวลา 11.30 เท่านั้น ในขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย แม้ยังอยู่ในจุดที่น่าเป็นห่วง แต่ตอนนี้ยังไม่ได้มีประกาศเคอร์ฟิว – ล็อกดาวน์พื้นที่ต่าง ๆ ตามที่ได้มีการแชร์กันออกไปแต่อย่างใด เพียงแค่ตอนนี้อยู่ในมาตรการคุมเข้มเร่งด่วน เพื่อเข้าจัดการกับปัญหาในพื้นที่ควบคุมสูงสุด (พื้นที่สีแดง) เท่านั้น โดยเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 ที่เป็นเพจของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ได้มีการชี้แจงพร้อมทั้งระบุข้อความว่า ‘ข่าวปลอม อย่าแชร์ !!! กรณีที่มีการส่งข้อมูล “เคอร์ฟิวทั่วประเทศ” ห้ามออกจากบ้าน 4 ทุ่ม – ตี 4 เริ่ม 23 เม.ย.64 ไม่เป็นความจริง’ ทั้งนี้ […]

Read More
ข่าวสาร

สุดอาลัย ‘ไพโรจน์ ใจสิงห์’ นักแสดงในตำนานของไทย

คนบันเทิงแห่แสดงความอาลัยนักแสดงอาวุโส ‘ไพโรจน์ ใจสิงห์’ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 นับเป็นอีกหนึ่งความสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการบันเทิง เมื่อนักแสดงรุ่นใหญ่ ปู ปริศนา กล่ำพินิจ พร้อมด้วยผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ได้ออกมาโพตส์แสดงความอาลัย ไพโรจน์ ใจสิงห์ ด้วยภาพขาว-ดำ พร้อมข้อความสุดอาลัย ว่า “ขอแสดงความเสียใจกับการจากไปอย่างสงบ เมื่อเช้ามืดวันนี้ที่บ้านพักของอาโรจน์ “ไพโรจน์ ใจสิงห์” หลับให้สบายนะคะอา ปูขอให้ดวงวิญญาณของอาไปสู่สุคติภพอันสงบสุข ด้วยความอาลัยรักค่ะ” ซึ่งเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2556 ไพโรจน์ ใจสิงห์ ได้ป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์ซีกซ้าย และมีโรครุมเร้าหลายโรค เช่น ความดันโลหิตสูง, เส้นเลือดในสมองตีบ, กล้ามเนื้ออ่อนแรง จึงจำเป็นต้องส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึกจนอาการเริ่มดีขึ้น แต่ต่อมาวันที่ 4 กันยายน 2556 อาการทรุดลงอีกครั้ง และในปี 2563 ได้มีอาการทรุดปอดเชื้อ และจากไปอย่างสงบในเช้าวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ในวัย 77 ปี สำหรับ ไพโรจน์ […]

Read More
ข่าวสาร

ฟังด่วน! คุณสมบัติ-เงินฝาก โครงการ ม.33 เรารักกัน มีอะไรบ้าง ?

ผู้ประกันตน มาตรา 33 เตรียมเฮ หลังรัฐบาลอนุมัติ ม.33 เรารักกัน เนื่องจากตอนนี้ได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ จึงทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อเยียวยาประชาชนให้ครอบคลุมมากที่สุด ทั้งโครงการคนละครึ่ง เราชนะ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ฯลฯ โดยล่าสุดเป็นโครงการ ม.33 เรารักกัน ที่เป็นมาตรการเยียวสำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม มาตรา 33 โดยโครงการ ม.33 เรารักกัน จะเป็นมาตรการสำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม มาตรา 33 เท่านั้น ซึ่งรัฐบาลจะจ่ายเยียวยารายละ 4,000 บาท จะแบ่งจ่ายสัปดาห์ละ 1,000 บาท พร้อมกับเปิดให้ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ – 7 มีนาคม 2564 ผ่านเว็บไซต์ www.ม33เรารักกัน.com ซึ่งนับจากวันนี้ก็เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 2 วันเท่านั้น ผู้มีสิทธิ์ก็จะได้ลงทะเบียน ม.33 เรารักกันแล้ว ก่อนอื่นเรามาสรุปสิ่งที่ผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องรู้ เพื่อวันที่ลงทะเบียนจริงจะได้ถูกต้องทุกขั้นตอนกันค่ะ คุณสมบัติของผู้ลงทะเบียน ม.33 เรารักกัน […]

Read More